ลิเวอร์พูล ทรงอย่างคึก จ้องซัด นิวคาสเซิ่ล หวังยืดหัวฝูง พรีเมียร์ลีก

                 ลิเวอร์พูล หวนคืนกลับสู่ตำแหน่งจ่าฝูงอีกครั้งหลังผ่านครึ่งเทอมแรกไปได้แบบราบรื่น แถมเกมนี้กำลังใจยังมาแบบสุด ๆ ต่างจากทีมเยือนอย่าง นิวคาสเซิ่ล ที่ต้องเร่งทำผลงานเพื่อเปลี่ยนโมเมนตัมกลับมาให้ได้ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันจันทร์ที่ 1 มกราคมนี้ เวลา 03.00 น. ณ สนาม แอนฟิลด์

“หงส์แดง” ภายใต้การทำทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หลังจากเปิดบ้านแบ่งแต้มกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบโนสกอร์ในศึกแดงเดือน ก็ตามด้วยการเจ๊า “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล 1-1 ในเกมลีก 2 นัดหลัง ก่อนจะกลับมาคว้าชัยได้อีกครั้ง ด้วยการบุกอัด เบิร์นลี่ย์ 2-0 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้มี 42 แต้ม จาก 19 นัด รั้งจ่าฝูงของตารางเอาไว้ได้อีกครั้ง

ส่วนความพร้อมของทีมในเกมนี้ยังไม่มีชื่อ โฌแอล มาติป, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, สเตฟาน บายเซติช, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ คอสตาส ซิมิคาส ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่

คาดว่านายใหญ่เลือดเยอรมันน่าจะใช้ระบบ 4-3-3 ที่มี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, จาเรลล์ ควอนซาห์, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค และ โจ โกเมซ ช่วยกันคุมแนวรับ ขยับไปที่แผงกลางวาง โดมินิค โซบอสซ์ไล ประสานงานกับ วาตารุ เอ็นโดะ และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ส่วน โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก้ โชต้า และ ดาร์วิน นูนเญซ จะช่วยกันล่าตาข่ายที่แนวรุกเช่นเคย

เอ็ดดี้ ฮาว เทรนเนอร์ “สาลิกาดง” ยังคงทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ แพ้กันไปสามนัดติด และคว้าชัยได้เพียงนัดเดียว จาก 7 นัดหลังในทุกรายการ โดยเกมนัดล่าสุด คือการเปิดบ้านพ่ายให้กับ “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-3 ทำให้ยังหยุดอยู่ที่ 29 แต้ม จาก 19 นัด หล่นมารั้งอันดับ 9 ของตาราง

เท่านั้นยังไม่พอ เกมนี้มีปัญหาในการจัดทัพอย่างหนัก เมื่อจะไม่สามารถใช้งานแข้งที่บาดเจ็บอยู่เพียบ ไม่ว่าจะเป็น นิค โป๊ป, จามาล ลาสเซลส์, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์, แม็ตต์ ทาร์เก็ตต์, เอลเลียต แอนเดอร์สัน, เจค็อบ เมอร์ฟี่, โจ วิลล็อค และ ฮาเวียร์ มานกีโญ่ รวมทั้ง ซานโดร โตนาลี่ ที่โดนแบนยาว

เป็นไปได้ว่ากุนซือทีมเยือนจะใช้ระบบ 4-3-3 เช่นกัน โดยแนวรับใช้ คีแรน ทริปเปียร์, ฟาเบียน แชร์, สเวน บ็อตแมน และ วาเลนติโน่ ลิฟราเมนโต้ ส่วนแดนกลางส่ง ลูอิส ไมลี่ย์, บรูโน่ กิมาไรส์ และ โชลินตอน คอยเดินเกม ขณะที่แนวรุกมี แอนโธนี่ กอร์ดอน, คัลลั่ม วิลสัน และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค คอยหาจังหวะปิดสกอร์