ฟูแล่ม ใจฟู จ้องทุบ เบิร์นลี่ย์ เก็บแต้มพรีเมียร์ลีก

                ฟูแล่ม ที่พ่ายยับจากเกมลีกล่าสุดแบบเละเทะ ในที่สุดก็สามารถกู้ศรัทธากลับมาได้ด้วยการลิ่วตัดเชือก คาราบาว คัพ เกมนี้เปิดบ้านพร้อมความมั่นใจเต็มร้อยรับการมาเยือนของ เบิร์นลี่ย์ ที่ยังคงย่ำแย่เกินเยียวยาในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 23 ธันวาคมนี้ เวลา 22.00 น. ณ สนาม คราเวน ค็อตเทจ

“เจ้าสัวน้อย” ของนายใหญ่ มาร์โก้ ซิลวา หลังจากโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงสุด ๆ ด้วยการเปิดบ้านไล่ถล่ม “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ถึง 5-0 พวกเขาก็บุกไปพ่ายให้กับ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล 0-3 ในเกมลีกนัดที่แล้ว ทำให้มี 21 แต้ม จาก 17 นัด รั้งอันดับ 11 ของตาราง ก่อนที่ล่าสุดจะเอาชนะ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ในการดวลจุดโทษ 7-6 หลังเสมอกันในเวลาปกติ 1-1 ทำให้ผ่านเข้ารอบตัดเชือก ศึกคาราบาว คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับความพร้อมในเกมนี้ยังคงชวดใช้งาน อิสซ่า ดิย็อป, อดาม่า ตราโอเร่ และ ทิม รีม ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ ในรายของ ราอูล ฮิเมเนซ ก็ติดโทษแบน หลังโดนใบแดงในเกมก่อน ส่วนแข้งตัวหลักรายอื่น ๆ ต่างพร้อมลงทำศึกช่วยทีมตามปกติ

ในระบบ 4-2-3-1 แนวรับใช้ ทิโมธี กาสตาญ, คาลวิน บาสซีย์, โทซิน อดาราบิโอโย่ และ แอนโทนี่ โรบินสัน ส่วนคู่มิดฟิลด์ใช้ ทอม แคร์นี่ย์ คอยคุมเกมร่วมกับ ชูเอา ปาลินญ่า ส่วนแนวรุกวางใจ วิลเลี่ยน, อันเดรียส เปเรย์ร่า และ แฮร์รี่ วิลสัน ลงปั้นเกมให้ โรดริโก้ มูนิซ ที่หาจังหวะปิดสกอร์

ทางด้าน “เดอะ คลาเร็ตส์” ภายใต้การทำทีมของ แวงซองต์ กอมปานี ตอนนี้ถือได้ว่าสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง หลังคว้าชัยได้เพียงนัดเดียว และเก็บได้เพียง 4 แต้ม จาก 10 นัดหลัง โดยเกมนัดล่าสุด คือการเปิดบ้านพ่ายให้กับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน 0-2 เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ทำให้มี 8 แต้ม จาก 17 นัด จมบ๊วยของตาราง

ส่วนสภาพทีมก็ยังคงมีปัญหาแข้งเดี้ยงอย่าง แจ็ค คอร์ก, ลูก้า โคเลโอโช่ และ โยฮันน์ กุ๊ดมุนด์สสัน ที่ไม่สามารถเอามาใช้งานได้ เหลือไปลุ้นความฟิตของ อารอน แรมซี่ย์ ขณะที่แกนหลักที่เหลือ ยังฟิตสมบูรณ์ พร้อมลงสนาม

ในระบบ 4-4-2 วิตินโญ่, ดาร่า โอเชีย, จอร์แดน เบเยอร์ และ ชาร์ลี เทย์เลอร์ จะช่วยกันคุมหลังบ้าน ส่วน ยาค็อบ ลาร์เซ่น, ซานเดอร์ แบร์เก้, จอช บราวน์ฮิลล์ และ วิลสัน โอโดเบิร์ต จะประสานงานแดนกลาง ส่วนแดนหน้าส่ง เซกี อัมดูนี่ และ ไลล์​ ฟอสเตอร์ เป็นตัวจบสกอร์